วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

โครงงานIs เรื่อง ปลูกผักบุ้งในขวดพลาสติก บทที่1




บทคัดย่อ
                 ปัจจุบันบ้านเมืองของเราเต็มไปด้วยขยะและเศษวัสดุเหลือใช้ที่แต่ละบ้านต่างนำมาทิ้งโดยไม่คำนึกถึง ผลที่จะตามมาซึ่งทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน  นอกจากนี้การเพิ่มจำนวนของประชากรมนุษย์มีจำนวนมากขึ้นการสร้างที่อยู่อาศัยก็มากขึ้นตามไปด้วยทำให้มีพื้นที่ทำการเกษตรลดน้อยลง ส่งผลให้พืชผักมีราคาสูงขึ้นผู้จัดทำโครงงานนี้จึงได้เล็งเห็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นและมองเห็นประโยชน์ของขวดพลาสติกและเศษวัสดุเหลือใช้เหล่านั้น  เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์นำเอาขวดพลาสติกเหลือใช้มาประยุกต์ใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า โดยการนำเอาขวดพลาสติกมาทำเป็นกระถางปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง  จากการทดลองปลูกพืชผักสวนครัวกินเองในขวดพลาสติกนั้น  สามารถช่วยลดปริมาณขยะลดโลกร้อนอีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อีกด้วย
                                                                               บทที่ 1
                                                                               บทนำ


1.1 ที่มาและความสำคัญ
              “เศรษฐกิจพอเพียง"              เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีเพื่อชี้แนะแนวทางดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทย ทรงเน้นย้ำแนวทางการพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานของการพึ่งตนเอง ความพอมี พอใช้ การรู้จักพอประมาณการคำนึงถึงความมีเหตุผล ส่งเสริมความประหยัดในครัวเรือนจากแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การซื้อผักจากท้องตลาดนั้นค่อนข้างมีราคาแพงและเต็มไปด้วยสารเคมี   ในยามฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วม  ถนนขาด  อีกทั้งปัญหาการจราจรติดขัด  การปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเองนั้นถือเป็นการสำรองอาหารอีกวิธีหนึ่ง  ซึ่งการปลูกพืชผักสวนครัวด้วยวิธีการปลูกในขวดพลาสติกนั้นยังถือเป็นการช่วยลดขยะ ลดโลกร้อน และยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อีกด้วย  อีกทั้งยังสามารถทำได้สำหรับทุกๆสถานที่ไม่ว่าจะเป็นตึก  อาคาร  บ้านเช่าก็ตาม  
                                                                                                                                                           
1.2 วัตถุประสงค์
        1. เพื่อการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างคุ้มค่า  ลดขยะในชุมชน  สังคม และช่วยลดโลกร้อน
        2. เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคพืชผักที่มีสารพิษตกค้าง  และเพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดี
        3. เพื่อพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และเกิดการต่อยอดนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
        4. เพื่อสำรองอาหารไว้บริโภคในยามฉุกเฉิน
        5. เพื่อลดค่าใช้จ่าย  และเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
      การศึกษาครั้งนี้ได้ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต  และสัมภาษณ์ชาวบ้านหมู่บ้านใกล้เคียง  เช่น บ้านคำกลาง ต.เก่าขาม อ. น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
การศึกษาครั้งนี้ได้ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต  และสัมภาษณ์ชาวบ้านหมู่บ้านใกล้เคียง  เช่น บ้านคำกลาง ตำบลเก่าขาม อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
1.4ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
        1. ช่วยลดขยะและลดโลกร้อน
        2. ช่วยในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
        3. ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน  ช่วยให้เกิดความสามัคคีปรองดองในครอบครัว
        4. ช่วยให้มีอาหารไว้สำรองในเวลาฉุกเฉิน
        5. ช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และช่วยสร้างรายได้ให้กับครอบครัว                  
1.5   ศัพท์นิยาม  
            เกษตรในเมือง   หมายถึง    การปลูกหรือการเลี้ยงดู การทำให้เพิ่มพูนการนำเข้าสู่กระบวนการที่เกี่ยวข้องและการกระจายสิ่งที่เป็นผลผลิตที่เป็นอาหารอย่างเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้และที่ไม่ใช่อาหารอย่างพืชที่เป็นยาสมุนไพรรวมถึงการใช้และนำกลับมาใช้ใหม่ของทรัพยากรผลิตภัณฑ์และการบริการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหล่านั้นซึ่งเกิดขึ้นและมีอยู่ในและรอบๆพื้นที่เมืองกล่าวคือพื้นที่ที่มีอุตสาหกรรมและย่านพาณิชย์ตั้งอยู่หรือในขอบเขตของพื้นที่ที่ถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางโดยที่กิจกรรมเหล่านั้น มุ่งเน้นดำเนินไปเพื่อตอบสนองคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นเป็นสำคัญ
                พืชผักสวนครัว      หมายถึง      พืชที่ใช้ส่วนต่างๆ เป็นอาหาร เช่น ลำต้น ใบ ดอก ผล และหัว พืชผักสวนครัวสามารถปลูกไว้ในบริเวณบ้านเพื่อใช้บริโภคภายในครอบครัว ถ้าเหลือก็สามารถนำไปจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัว ซึ่งสามารถแบ่งตามลักษณะการนำมาประกอบอาหารได้ 4 ประเภท  ดังนี้
1.  ใช้ผลเป็นอาหาร  เช่น  แตงกวา  มะเขือเทศ  พริกหวาน
2.  ใช้ใบและลำต้นเป็นอาหาร  เช่น  ผักกาดขาว  ตำลึง  ผักคะน้า  สะระแหน่
3.  ใช้ดอกเป็นอาหาร  เช่น  กะปล่ำดอก  ดอกแค  บร็อคโคลี่
4.ใช้หัวหรือรากที่อยู่ใต้ดินเป็นอาหาร  เช่น  หอมหัวใหญ่  แครอต  กระเทียม  ขิง        


               
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดสร้างโครงงาน เรื่อง การปลูกผักบุ้งในขวดพาสติก  กลุ่มผู้จัดดทำได้รวบรวมแนวคิกดทฤษฎีและหลักการต่างๆจากเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
                                      2.1 ประวัติความเป็นมาของผักบุ้ง
ผักบุ้งที่ปลูกในประเทศไทย มี ประเภท ผักบุ้งไทย (Ipomoea aquatic Var. aquatica) มีดอกสีม่วงอ่อน ก้านสีเขียวหรือม่วงอ่อน ใบสีเขียวเข้ม และก้านใบสีม่วง และผักบุ้งจีน (Ipomoea aquatica Var. reptans) ซึ่งมีใบสีเขียว ก้านสีเหลืองหรือขาว ก้านดอกและดอกสีขาว ผักบุ้งจีนนิยมนำมาประกอบอาหารกว้างขวางกว่าผักบุ้งไทย จึงนิยมปลูกเป็นการค้าอย่างแพร่หลาย ทั้งการปลูกเพื่อบริโภคสด และการผลิตเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันผักบุ้งจีนได้พัฒนาเป็นพืชผักส่งออกที่มีความสำคัญ โดยส่งออกทั้งในรูปผักสด และเมล็ดพันธุ์ การส่งออกเฉพาะผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสดไม่มีตัวเลขแน่นอน เพราะรวมผักบุ้งจีนในหมวดผักสดอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ผักสดชนิดต่าง ๆ ตลาดที่สำคัญคือฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ สำหรับเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนประเทศไทยสามารถส่งออกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในปี 2538 ปริมาณ 540.6 ตัน มูลค่าการส่งออก 19.8 ล้านบาท
 ผักบุ้งจีนใช้เวลาในการงอกเพียง 48 ชั่วโมง ระยะแรกของการเจริญเติบโตจะให้ลำต้นตั้งตรง หลังจากงอกได้ 5-7 วัน จะมีใบเลี้ยงโผล่ออกมา 2 ใบ มีลักษณะปลายใบเป็นแฉก ไม่เหมือนกับใบจริงเมื่อต้นโตในระยะสองสัปดาห์แรก จะมีการเจริญเติบโตทางลำต้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งอายุประมาณ 30-45 วัน การเจริญเติบโตจะเปลี่ยนไปในทางทอดยอดและแตกกอ
สำหรับผักบุ้งจีนที่หว่านด้วยเมล็ด การแตกกอจะมีน้อยมาก การแตกกอเป็นการแตกหน่อออกมาจากตาที่อยู่บริเวณโคนต้นที่ติดกับราก มีตาอยู่รอบต้น 3-5 ตา เมื่อแตกแถวออกมาแล้วจะเจริญทอดยอดยาวออกไปเป็นลำต้น มีปล้องข้อ และทุกข้อจะให้ดอกและใบ
 1. การเลือกที่ปลูก การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดเป็นการปลูกผักบุ้งจีนแบบหว่าน หรือโรยเมล็ดลงบนแปลงปลูกโดยตรง เมื่อถึงอายุเก็บเกี่ยว 20-25 วัน จะถอนต้นผักบุ้งจีนทั้งต้นและรากออกจากแปลงปลูกไปบริโภคหรือไปจำหน่ายต่อไป ในการปลูกนั้นควรเลือกปลูกในที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก สภาพที่ดอน น้ำไม่ท่วม หรือเป็นแบบสวนผักแบบยกร่อง เช่น เขตภาษีเจริญ บางแค กรุงเทพฯ บางบัวทอง นนทบุรี นครปฐม และราชบุรี เป็นต้น ลักษณะดินปลูกควรเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย เพื่อถอนต้นผักบุ้งจีนได้ง่าย และควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกในการรดน้ำในช่วงการปลูก และทำความสะอาดต้นและรากผักบุ้งจีนในช่วงการเก็บเกี่ยว
 2. การเตรียมดิน ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่มีระบบรากตื้น ในการเตรียมดินควรไถตะตากดินไว้ประมาณ 15-30 วัน แล้วดำเนินการไถพรวนและขึ้นแปลงปลูก ขนาดแปลงกว้าง 1.5-2 เมตร ยาว 10-15 เมตร เว้นทางเดินระหว่างแปลง 40-50 เซนติเมตร เพื่อสะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษา ใส่ปุ๋ยคอก (มูลสุกร เป็ด ไก่ วัว ควาย) หรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว คลุกเคล้าลงไปในดิน พรวนย่อยผิวหน้าดินให้ละเอียดพอสมควรปรับหลังแปลงให้เรียบเสมอกัน อย่าให้เป็นหลุมเป็นบ่อ เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนจะขึ้นไม่สม่ำเสมอทั้งแปลง ถ้าดินปลูกเป็นกรด ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับระดับพีเอชของดินให้สูงขึ้น
3. วิธีการปลูก ก่อนปลูกนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนไปแช่น้ำนาน 6-12 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนดูดซับน้ำเข้าไปในเมล็ด มีผลให้เมล็ดผักบุ้งจีนงอกเร็วขึ้น และสม่ำเสมอกันดี เมล็ดผักบุ้งจีนที่ลอยน้ำจะเป็นเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ควรนำมาเพาะปลูก ถึงแม้จะขึ้นได้บ้าง แต่จะไม่สมบูรณ์แข็งแรงอาจจะเป็นแหล่งทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่าย นำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ดีไม่ลอยน้ำมาหว่านให้กระจายทั่วทั้งแปลงให้เมล็ดห่างกันเล็กน้อย ต่อจากนั้นนำดินร่วนหรือขี้เถ้าแกลบดำหว่านกลบเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนหนาประมาณ 2-3 เท่าของความหนาของเมล็ดหรือประมาณ 0.5 เซนติเมตร แต่ถ้าแหล่งที่ปลูกนั้นมีเศษฟางข้าว จะใช้ฟางข้าวคลุมแปลงปลูกบาง ๆ เพื่อช่วยเก็บรักษาความชื้นในดิน หรือทำให้หน้าดินปลูกผักบุ้งจีนไม่แน่นเกินไป รดน้ำด้วยบัวรดน้ำหรือใช้สายยางติดฝักบัวรดน้ำให้ความชื้น แปลงปลูกผักบุ้งจีนทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 2-3 วัน เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน จะงอกเป็นต้นผักบุ้งจีนต่อไป
4. การปฏิบัติดูแลรักษาผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสด
 4.1 การให้น้ำ ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่ชอบดินปลูกที่ชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะจนมีน้ำขัง ฉะนั้นควรรดน้ำผักบุ้งจีนอยู่เสมอทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ยกเว้นช่วงที่ฝนตกไม่ต้องรดน้ำ อย่าให้แปลงปลูกผักบุ้งจีนขาดน้ำได้ จะทำให้ผักบุ้งจีนชะงักการเจริญเติบโต คุณภาพไม่ดี ต้นแข็งกระด้าง เหนียว ไม่น่ารับประทาน และเก็บเกี่ยวได้ช้ากว่าปกติ
4.2 การใส่ปุ๋ย ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่บริโภคใบและต้นมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ถ้าดินปลูกมีความอุดมสมบูรณ์ หรือมีการใส่ปุ๋ยคอก เช่น มูลสุกร มูลเป็ด ไก่ เป็นต้น ซึ่งปุ๋ยคอกดังกล่าวเป็นปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีก็ได้ แต่ถ้าดินปลูกไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ นอกจากต้องให้ปุ๋ยคอกแล้ว ควรมีการใส่ปุ๋ยทางใบที่มีไนโตรเจนสูง โดยหว่านปุ๋ยกระจายทั่วทั้งแปลงก่อนปลูกและหลังปลูกผักบุ้งจีนได้ประมาณ 7-10 วัน ซึ่งการให้ปุ๋ยครั้งที่ 2 นั้น หลังจากหว่านผักบุ้งจีนลงแปลงแล้ว จะต้องมีการรดน้ำแปลงปลูกผักบุ้งจีนทันที อย่าให้ปุ๋ยเกาะอยู่ที่ชอกใบ จะทำให้ผักบุ้งจีนใบไหม้ ในการใส่ปุ๋ยเคมีครั้งที่ 2 นั้น จะใช้วิธีการละลายน้ำรด 3-5 วันครั้งก็ได้ โดยใช้อัตราส่วน ปุ๋ยยูเรีย 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร จะเป็นการช่วยให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโต และเก็บเกี่ยวได้รวดเร็วขึ้น

4.3
การพรวนดินและกำจัดวัชพืช ถ้ามีการเตรียมดินดีมีการใส่ปุ๋ยคอกก่อนปลูกและมีการหว่านผักบุ้งขึ้นสม่ำเสมอกันดี ไม่จำเป็นต้องพรวนดิน เว้นแต่ในแหล่งปลูกผักบุ้งจีนดังกล่าวมีวัชพืชขึ้นมาก ควรมีการถอนวัชพืชออกจากแปลงปลูกอยู่เสมอ 7-10 วันต่อครั้ง ในแหล่งที่ปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดเป็นการค้าปริมาณมาก ควรมีการพ่นสารคลุมวัชพืชก่อนปลูก 2-3 วัน ต่อจากนั้นจึงค่อยหว่านผักบุ้งจีนปลูก จะประหยัดแรงงานในการกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกผักบุ้งจีนได้ดีมากวิธีการหนึ่ง
4.4 การเก็บเกี่ยว หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนลงแปลงปลูกได้ 20-25 วัน ผักบุ้งจีนจะเจริญเติบโต มีความสูงประมาณ 30-35 เซนติเมตร ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนออกจากแปลงปลูกทั้งต้นและราก ควรรดน้ำก่อนถอนต้นผักบุ้งจีนขึ้นมาจะถอนผักบุ้งจีนได้สะดวก รากไม่ขาดมาก หลังจากนั้นล้างรากให้สะอาด เด็ดใบและแขนงที่โคนต้นออก นำมาผึ่งไว้ ไม่ควรไว้กลางแดดผักบุ้งจีนจะเหี่ยวเฉาได้ง่าย จัดเรียงต้นผักบุ้งจีนเป็นมัด เตรียมบรรจุภาชนะเพื่อจัดส่งตลาดต่อไป

                                                2.2 ประเภทของผักบุ้ง
ผักบุ้งไทย  เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ผักบุ้ง (Convolvulaceae) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea aquatica พบได้บริเวณแม่น้ำลำคลองเพราะเจริญเติบโตในน้ำได้ดีกว่าบนดิน มักสานตัวเป็นกลุ่มและลอยตัวบนผิวน้ำ ชูส่วนยอดหรือบริเวณสีเขียวเพื่อสังเคราะห์แสง[1] โดยทั่วไปแล้วผักบุ้งไทยได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหารน้อยกว่าผักบุ้งจีน เพราะลำต้นมีความแข็งมากกว่าและนิยมนำมาประกอบอาหารบางประเภทเท่านั้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ผักบุ้งไทย มีชื่อเรียกที่หลากหลาย ชาวตะวันตกเรียกผักบุ้งไทยว่าผักขมแม่น้ำ (river spinach)[3] และมอนิ่งกลอรี่น้ำ (water morning glory) ขึ้นอยู่กับบุคคล ถิ่นกำเนิดของผักบุ้งไทยอยู่ในเขตร้อน ผักบุ้งไทยเป็นไม้ล้มลุกที่อาศัยอยู่ในน้ำหรือในดินที่มีความชื้นแฉะมากๆ ลำต้นกลวงสีเขียวเพราะต้องใช้ในการสังเคราะห์แสงร่วมกับใบ และมีข้อปล้องชัดเจนและมีรากงอกออกมาตามข้อปล้องต่างๆ (ที่ลำต้นกลวงเพื่อให้ลอยน้ำได้) เมล็ดพันธุ์มีสีดำลักษณะกลม มีใบเดี่ยวสีเขียวคล้ายหัวลูกศรเรียวยาวและฐานใบเว้าเป็นรูปหัวใจยาว 3-15 เซนติเมตร กว้าง 3-9 เซนติเมตร ดอกมีลักษณะเป็นช่อดอกลักษณะทรงระฆังต่างจากผักบุ้งจีน[4] ที่เป็นทรงกรวย โดยออกตามซอกใบ กลีบดอกมีหลายสี ได้แก่ สีขาว สีม่วงแดง และสีชมพูกลีบม่วง การขยายพันธุ์สามารถนำเมล็ดพันธุ์ไปปลูกหรือแยกกิ่งแก่ไปปักชำได้เช่นเดียวกัน
ผักบุ้งจีน  เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ผักบุ้ง (Convolvulaceae) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea aquatica Forsk. Var. reptan เป็นพืชที่พบทั่วไปในเขตร้อน และเป็นผักที่คนไทยนิยมนำมาประกอบอาหารเช่นเดียวกับผักบุ้งไทย ผักบุ้งจีนมีใบสีเขียว ก้านใบมีสีเหลืองหรือขาว ก้านดอกและดอกมีสีขาว โดยทั่วไปแล้วผักบุ้งจีนจะนิยมนำมาประกอบอาหารมากกว่าผักบุ้งไทย จึงมีการปลูกอย่างแพร่หลายในประเทศไทย สำหรับเกษตรกรปลูกเพื่อนำลำต้นไปขาย และบริษัทปลูกเพื่อพัฒนาและขายเมล็ดพันธุ์ ตลาดที่สำคัญในการส่งออกผักบุ้งจีน คือ ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ผักบุ้งจีนมีชื่อเรียกที่หลากหลาย ชาวตะวันตกเรียกผักบุ้งจีนว่า water convolvulus และ kang-kong ขึ้นอยู่กับบุคคล ถิ่นกำเนิดของผักบุ้งจีนอยู่ในเขตร้อน พบได้ทั่วไปในทวีปแอฟริกา เขตร้อนในทวีปเอเชีย และในทวีปออสเตรเลีย รากของผักบุ้งจีนเป็นรากแก้ว และมีรากแขนงแตกออกล้อมรอบรากแก้ว เมล็ดพันธุ์มีสีน้ำตาลลักษณะสามเหลี่ยมฐานมน ความกว้างโดยเฉลี่ย 0.4 เซนติเมตร และยาว 0.5 เซนติเมตร ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว ขอบใบเรียบ รูปใบคล้ายหอกเรียวยาว โคนใบมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ ใบมีความยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร และก้านใบยาว 3-8 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกสมบูรณ์มีลักษณะเป็นช่อดอก ดอกตรงกลาง 1 ดอกและดอกทางด้านข้างอีก 2 ดอก ดอกเป็นรูปกรวยต่างจากผักบุ้งไทยที่เป็นรูปแตร แต่ด้านนอกของดอกมีสีม่วงและด้านในเป็นสีขาวเหมือนกัน การขยายพันธุ์นิยมใช้เมล็ดพันธุ์มากกว่าวิธีการอื่น

                                              2.3ประโยชน์ของผักบุ้ง
    ประโยชน์ของผักบุ้งข้อแรกคือมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส มีน้ำมีนวล
    มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอวัย ความแก่ชรา และชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
    มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดหรือลดอัตราการเกิดของโรคมะเร็งได้
    ช่วยบำรุงสายตา รักษาอาการตาต้อ ตาฝ้าฟาง ตาแดง สายตาสั้น อาการคันนัยน์ตาบ่อย ๆ
    ช่วยบำรุงธาตุ
    สรรพคุณของผักบุ้งต้นสดของผักบุ้งใช้เป็นยาดับร้อน แก้อาการร้อนใน
    ต้นสดของผักบุ้งช่วยในการบำรุงโลหิต
    ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในด้านความจำและการเรียนรู้ให้ดีขึ้น
    ยอดผักบุ้งช่วยแก้โรคประสาท
    ช่วยแก้อาการเหงื่อออกมาก (รากผักบุ้ง)
    มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
    ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
    ต้นสดของผักบุ้งไทยต้นขาวช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
    ช่วยแก้อาการเหงือกบวม
    ช่วยรักษาแผลร้อนในในปาก ด้วยการนำผักบุ้งสดมาผสมเกลือ อมไว้ในปากประมาณ 2 นาที วันละ 2 ครั้ง
    ฟันเป็นรูปวด ให้ใช้รากสด 120 กรัม ผสมกับน้ำส้มสายชู คั้นเอาน้ำมาบ้วนปาก
    ใช้แก้อาการไอเรื้อรัง (รากผักบุ้ง)
    แก้เลือดกำเดาไหลออกมากผิดปกติ ด้วยการใช้ต้นสดมาตำผสมน้ำตาลทรายแล้วนำมาชงน้ำร้อนดื่ม
    ใช้แก้โรคหืด (รากผักบุ้ง)
    ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหาร
    ช่วยป้องกันการเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหารจากผลของยาแอสไพริน
    ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
    ยอดผักบุ้งมีส่วนช่วยแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพ
    ช่วยทำความสะอาดของเสียที่ตกค้างในลำไส้
    ผักบุ้งจีนมีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเหลือง
    ช่วยแก้อาการปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายออกมาเป็นเลือด ด้วยการใช้ลำต้นคั้นนำน้ำมาผสมกับน้ำผึ้งดื่ม
    ช่วยแก้หนองใน ด้วยการใช้ลำต้นคั้นนำน้ำมาผสมกับน้ำผึ้งดื่ม
    ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นสด 1 กิโล / น้ำ 1 ลิตร นำมาต้มให้เละ เอากากทิ้งแล้วใส่น้ำตาลทรายขาว 120 กรัม แล้วเคี่ยวจนข้นหนืด รับประทานครั้งละ 90 กรัม วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
    ช่วยแก้อาการตกขาวมากของสตรี (รากผักบุ้ง)
    ผักบุ้งรสเย็นมีสรรพคุณช่วยถอนพิษเบื่อเมา
    รากผักบุ้งรสจืดเฝื่อนมีสรรพคุณช่วยถอนพิษสำแดง
    ผักบุ้งขาวหรือผักบุ้งจีนช่วยให้เจริญอาหาร
    ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
    ช่วยแก้อาการฟกช้ำ (ผักบุ้งไทยต้นขาว)
    ดอกของผักบุ้งไทยต้นขาวใช้เป็นยาแก้กลากเกลื้อน
    ใช้ถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย (ผักบุ้งไทยต้นขาว)
    แก้แผลมีหนองช้ำ ด้วยการใช้ต้นสดต้มน้ำให้เดือดนาน ๆ ทิ้งไว้พออุ่นแล้วเอาน้ำล้างแผลวันละครั้ง
    ช่วยแก้พิษตะขาบกัด ด้วยการใช้ต้นสดเติมเกลือ นำมาตำแล้วพอกบริเวณที่ถูกกัด
    ต้นสดของผักบุ้งไทยต้นขาวใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
    ต้นสดของผักบุ้งไทยต้นขาวช่วยลดการอักเสบ อาการปวดบวม
    ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
    ใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดหรือผู้ที่ได้รับสารพิษต่าง ๆ เช่น เกษตรกร เป็นต้น
    นำมาใช้ในการประกอบอาหารอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะผัด แกง ดอง ได้หมด เช่น ผัดผักบุ้งไฟแดง ส้มตำ แกงส้ม แกงเทโพ ยําผักบุ้งกรอบ เป็นต้น
    ผักบุ้งนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้เหมือนกัน เช่น หมู เป็ด ไก่ ปลา เป็นต้น (มีหลายคนเข้าใจผิดว่ากระต่ายชอบกินผักบุ้ง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้ เพราะผักบุ้งมียาง ยกเว้นกระต่ายโต ถ้าจะให้กินไม่ควรให้บ่อยและให้ทีละนิด)
    ผักบุ้ง ประโยชน์ข้อสุดท้ายนิยมนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ผักบุ้งแคปซูล ผงผักบุ้ง เป็นต้น


บทที่  3
วัสดุอุปกรณ์และวิธีการดำเนินงาน

3.วิธีดำเนินงาน
หลักการวางแผน

1.  วางแผนการเตรียมดิน
2.  คัดเลือกพันธุ์ผักบุ้ง
3.  ปฏิบัติตามแผน
4.  ประเมินผลงาน
5.   เผยแพร่ผลงาน
3.2 วัสดุอุปกรณ์
1     1.จอบพรวนดิน
2     2.ขวดพาสติก
3     3.มีด, กรรไกร
4     4. ปุ๋ย
4     5.บัวรดน้ำ
7    6.   เชือก

3.3 ขั้นตอนวิธีการปลูกบักบุ้ง
      1.      เลือกขนาดของขวด
      2.ลักษณะของดิน
      3.   บาดขวดให้เปิดพอสมควรและเจอะรูด้านล้าง พอประมาณ
      4.ใช้มีดกรีดขวดให้เปิดพอดี ไม่ลึกจนไป
      5.ใส่ดินลงไปในขวดให้พอดีปากขวดที่บาดไว้
      6.  เตรียมพันธุ์พืชของผักบุ้ง
      7. ปลูกเมล็ดที่เตรียมไว้
     8.      รดน้ำ
    9.  ดูแลและรักษารดน้ำทุกวัน  ใส่ปุ๋ย  กำจัดวัชพืช
       สมาชิกในกลุ่ม

     .ส ธิดารัตน์ สายเคน
     น.ส ภัทรสุดา ระวิเวช
     น.ส วิภาดา จันทสิงห์
     น.ส สุภัสสร โตทองหลาง
     นาย คณิต มะลิหอม

                บทที่  4
ผลการดำเนินงาน
4.1 ผลการดำเนินงาน 
            ผลการดำเนินงาน จากการศึกษาค้นคว้าด้วยวิธีการ สัมภาษณ์ ชาวบ้านหมู่บ้าน  และจากอินเทอร์เน็ต  พบว่าชาวบ้านในหมู่บ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในบริเวณรอบเขตเมืองนั้นส่วนใหญ่นำขวดพลาสติกทิ้งกันโดยเปล่าประโยชน์และส่วนใหญ่พากันซื้อผักจากตลาดมาบริโภคกัน และนอกจากนั้นแล้วยังมีชาวบ้านบางครอบครัวที่มีพื้นที่ปลูกผักสวนครัวกินเอง
ผู้จัดทำจึงได้เสนอแนวคิดเรื่องผักบุ้งในขวดพลาสติกขึ้นมา และขอข้อมูลวิธีการปลูกพืชผักจากชาวบ้านด้วย
4.2 การนำไปใช้
               จากการศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูลต่างๆผู้จัดทำได้นำเอาข้อมูลที่ได้มาประยุกต์ใช้โดยการนำขวดพลาสติกที่จะนำไปทิ้งกันนั้นมาทำเป็นกระถางปลูกผักเพื่อช่วยลดปริมาณการทิ้งขยะและลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าซื้อผัก  ค่าน้ำมันรถหรือค่ารถไปตลาด เป็นต้น  และนำไปใช้จริงในการใช้ชีวิตแบบหอพักซึ่งมีพื้นที่แคบๆให้สามารถปลูกผักสวนครัวไว้กินเองได้  เป็นต้น
บทที่  5
สรุปผล  อภิปรายผล  ประโยชน์ที่ได้รับ และข้อเสนอแนะ
 การศึกษาโครงงาน  เรื่อง ผักสวนบุ้งในขวดพลาสติก   สรุปผลได้
ดังนี้
5.1 สรุปผล
            จากการศึกษาและสัมภาษณ์ชาวบ้านหมู่บ้าน  ได้ศึกษาพืชผักต่าง    เกี่ยวกับวิธีการปลูกพืชผักต่าง    และอื่น    ผู้ศึกษาจึงได้นำผลการเรียนรู้ออกเผยแพร่ให้กับ  ชาวบ้านหมู่บ้านคำกลางเพื่อให้ชาวบ้านหมู่บ้านคำกลาง  ได้นำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันและสามารถปฏิบัติตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  จากการนำมาปฏิบัติจริงได้ผลออกมาในระดับดี
 5.2 อภิปรายผล 
            จากการศึกษา  เรื่องผักสวนครัวในขวดพลาสติก  ทำให้ทราบถึงประโยชน์จากขวดพลาสติกซึ่งเป็นแค่เศษขยะของคนส่วนใหญ่  ซึ่งเมื่อนำมาประยุกต์เป็นกระถางปลูกผักสวนครัวแล้ว  ทำให้ทราบถึงประโยชน์ต่างๆมากมาย ดังเช่น
1.การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
2.ทำให้มีสุขภาพที่ดี  ทั้งกายและใจ
3.ช่วยลดรายจ่าย และสร้างรายได้ให้กับครอบครัว
4.ได้แบ่งปัน และช่วยสร้างมิตรภาพที่ดีกับเพื่อนบ้าน  เป็นต้น
5.3 ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ได้ทำความรู้จักพบปะพูดคุยกับชาวบ้าน
2. ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
3. ลดขยะ  ลดภาวะโลกร้อน
4. ได้ประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของชาวบ้านและเรื่องการทำเกษตรเขตเมืองมากยิ่งขึ้น
5.4 ข้อเสนอแนะ
หากมีการเผยแพร่หรือให้ความรู้กับชาวบ้านหรือประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องปลูกผักบุ้งในขวดพลาสติกนี้จะช่วยลดปริมาณขยะในประเทศได้มากเลยนะคะ/ครับ




  

 



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น